โลกการลงทุนสมัยใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กองทุนแบบดั้งเดิมและบัญชีโบรกเกอร์อีกต่อไป เมื่อเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตก้าวหน้าขึ้น แนวทางใหม่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา ช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถเข้าร่วมในตลาดการเงินได้อย่างไม่มีอุปสรรค สองแนวทางที่เป็นที่รู้จักกันดีมากที่สุดคือบริการ Copy Trading และบริการ PAMM ซึ่งบทความนี้จะช่วยให้คุณทำความคุ้นเคยกับประวัติการพัฒนาและให้คุณเข้าใจว่าเทคโนโลยีมีส่วนในการเขียนกติกาโลกการเงินใหม่อย่างไร คุณจะได้เรียนรู้ว่าบริการเหล่านี้ทำงานอย่างไร ข้อดี และข้อเสีย และต้องทำอะไรบ้างเพื่อจำกัดความเสี่ยงเหล่านี้และเพิ่มกำไร
ที่มาที่ไปของบริการ Copy Trading และ PAMM
“บรรพบุรุษ” ของบริการคัดลอกเทรด หรือ Copy Trading และบริการ PAMM มีมาตั้งแต่ก่อนยุคอินเทอร์เน็ตและก่อนที่การใช้งานคอมพิวเตอร์จะแพร่หลาย ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่มีกองทุนเพื่อการลงทุน เฮดจ์ฟันด์ และบัญชีที่บริหารโดยโบรกเกอร์ ช่องทางดั้งเดิมเหล่านี้เป็นการมอบความไว้วางใจให้ผู้จัดการเงินทุนมืออาชีพบริหารเงินลงทุน
– กองทุนเพื่อการลงทุนและกองทุนหลายยุทธศาสตร์ ในกองทุนเหล่านี้ เงินลงทุนจะมาจากนักลงทุนหลายกลุ่มและจะมีทีมงานักมืออาชีพเป็นผู้บริหารเงินลงทุน อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงกองทุนเหล่านี้จะมีข้อจำกัดของจำนวนเงินขั้นต่ำในการลงทุน และมีการกำกับดูแลทางกฎหมาย ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงสำหรับนักลงทุนรายย่อย
– บัญชีที่บริหารโดยโบรกเกอร์ ในกรณีนี้ นักลงทุนจะมอบอำนาจให้นักเทรดมืออาชีพหรือโบรกเกอร์เป็นผู้บริหารพอร์ตของตนเอง นี่เป็นแนวทางส่วนบุคคลมากกว่า แต่ก็ต้องอาศัยเงินลงทุนจำนวนมากและมักจะแนวทางของลูกค้าที่มีฐานะร่ำรวยเป็นส่วนใหญ่
– เฮดจ์ฟันด์ กองทุนเหล่านี้ก็ให้ลูกค้าสามารถมอบอำนาจในการบริหารจัดการพอร์ตโดยนักลงทุนมืออาชีพเช่นกัน แต่จะต้องอาศัยเงินลงทุนต้นจำนวนมากกว่า และมีความโปร่งใสน้อยกว่าในแง่ของกลยุทธ์และการดำเนินงาน
– การลงทุนตามเครือข่ายสังคม ในบางกรณี นักลงทุนจะรวมตัวกันตามคลับหรือชุมชนที่ไม่เป็นทางการเพื่อระดมเงินลงทุนและแบ่งปันกลยุทธ์ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ขาดความสามารถในการเติบโตและนำมาสู่แพลตฟอร์มสมัยใหม่ที่เรียกว่า PAMM และ Copy Trading การพัฒนาของอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีทำให้หลักการเหล่านี้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ตลาดให้โอกาสทุกคนเท่ากัน และนักลงทุนที่มีเงินทุนและประสบการณ์แตกต่างกันไปสามารถมีส่วนร่วมในตลาดการเงินของโลกได้เหมือนกัน
Copy Trading คืออะไร
Copy Trading คือ กลยุทธ์การเทรดที่มีนวัตกรรมในตลาดการเงิน ซึ่งอนุญาตให้นักเทรดสามารถคัดลอกคำสั่งเทรดของนักเทรดที่มีประสบการณ์มากกว่าแบบเรียลไทม์ได้ วิธีนี้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในตลาดฟอเร็กซ์ ช่วยให้นักเทรดมือใหม่ไม่ต้องเผชิญกับความซับซ้อนของการวิเคราะห์ตลาดด้วยตนเอง
หลักการของบริการนี้ปรากฏขึ้นในช่วงต้นปี 2010 เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นในรูปแบบการลงทุนที่เข้าถึงได้อย่างแพร่หลายและเปิดกว้าง ก่อนหน้านี้ นักลงทุนจำเป็นต้องรับคำแนะนำจากนักลงทุนมืออาชีพ หรือประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ล้วนมีความเสี่ยงที่ต่างกันไป
แพลตฟอร์มแรกที่เริ่มให้บริการนี้ ในช่วงต้นให้ความสำคัญกับตลาดฟอเร็กซ์เป็นหลัก แต่ต่อมาก็ขยายตัวครอบคลุมตลาดหุ้น สกุลเงินคริปโต และตราสารการเงินอื่น ๆ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในวิวัฒนาการของ Copy Trade การพัฒนาในอัลกอริทึม แอปพลิเคชันมือถือ และอินเทอร์เฟซผู้ใช้งานทำให้รูปแบบการลงทุนนี้เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไป หลักการ Copy Trading จึงเริ่มเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง แพลตฟอร์มและโบรกเกอร์เฉพาะทางเข้ามาบุกเบิกวงการโดยนำเสนอบริการตามกลุ่มตลาดนี้และมีการแข่งขันกันมากขึ้น ตราสารที่มีให้บริการและกลยุทธ์ในการคัดลอกก็ขยายตัวด้วยเช่นกัน ปัจจุบัน บริการนี้เป็นหนึ่งในวิธีการชำระเงินที่เป็นที่นิยมมากที่สุด โดยเฉพาะในหมู่นักลงทุนมือใหม่ และยังคงมีวิวัฒนาการในการปรับตัวให้เข้ากับเงื่อนไขตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
มันมีกลไกทำงานอย่างไร? วิธีการนั้นตรงไปตรงมา นักลงทุนเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ เลือกนักเทรดที่มีประสบการณ์ และมีสถิติการเทรดที่ดี รวมถึงมีสไตล์การเทรดที่เหมาะสมจาก “อันดับที่แสดง” ของแพลตฟอร์ม และจากนั้นก็ตั้งค่าการคัดลอกกิจกรรมของนักเทรดที่เลือก ทันทีที่นักเทรดที่เลือก (หรือเรียกว่าผู้ให้บริการสัญญาณ) เปิดหรือปิดคำสั่งเทรด คำสั่งเทรดเดียวกันจะถูกคัดลอกโดยอัตโนมัติมายังบัญชีของนักลงทุน ผู้ให้บริการสัญญาณจะได้รับค่าตอบแทนส่วนหนึ่งจากการให้บริการสัญญาณ และยิ่งมีนักลงทุนติดตามสัญญาณมากเท่าไหร่ จะยิ่งได้ค่าตอบแทนมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับข้อดีของบริการนี้ ได้แก่ การเข้าถึงที่ไม่ต้องอาศัยเงินลงทุนจำนวนมาก หรือการเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้งอะไร หรือการใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน ข้อดีที่ชัดเจนอีกประการหนึ่งก็คือ ความสามารถในการทำกำไรโดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของนักมืออาชีพ และที่สำคัญก็คือ นักลงทุนสามารถเลือกนักเทรดที่มีกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไปและระดับความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญคือต้องไม่ลืมว่า ความสำเร็จในอดีตของผู้ให้บริการไม่รับประกันผลงานในอนาคต หากนักลงทุนไม่พึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ดี พวกเขาสามารถยกเลิกการติดตามได้ทุกเมื่อ
บริการ PAMM คืออะไร
บัญชี PAMM (Percentage Allocation Management Module) คือ เครื่องมือการลงทุนที่อนุญาตให้นักลงทุนสามารถมอบอำนาจการบริหารจัดการเงินของตนเองให้กับนักเทรดมืออาชีพ โดยไม่จำเป็นต้องเทรดด้วยตนเอง บริการนี้แตกต่างไปจาก Copy Trading ตรงที่นักลงทุนจะไม่คัดลอกการเทรดของนักเทรด แต่จะเป็นการลงเงินทุนในบัญชีรวมให้นักเทรดคนอื่นเป็นผู้บริหารจัดการ หรือที่เรียกว่าผู้จัดการ PAMM แนวทางนี้อำนวยความสะดวกให้เกิดความร่วมมือระหว่างนักลงทุนและผู้จัดการ หน้าที่ของบริการนี้ คือ เพื่อแจกจ่ายเงินกำไรและขาดทุนให้กับผู้ร่วมทุนตามสัดส่วนของเงินที่นำมาลงทุน ผู้จัดการ PAMM มักจะได้รับเงินกำไรส่วนหนึ่งเป็นผลตอบแทนตามค่าคอมมิชชั่นของการทำงาน
ทั้งนี้ ควรทราบว่าบัญชี PAMM มาก่อนบริการ Copy Trading และเป็นที่นิยมตั้งแต่ 2000 ประวัติของบริการนี้เริ่มต้นจากพัฒนาการเทรดออนไลน์ในตลาดการเงิน แม้ว่าหลักการการมอบเงินให้กับบุคคลภายนอกเพื่อบริหารจัดการจะมีอยู่มานานแล้ว (ในรูปแบบของเฮดจ์ฟันด์และกองทุนเพื่อการลงทุน) มิติการลงทุนออนไลน์ที่ปรากฏขึ้นทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากบริการนี้ได้อย่างเท่าเทียมกัน และเข้าถึงได้ในวงกว้างมากขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว องค์กรแห่งแรก ๆ ที่ให้บริการ PAMM มักเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในการเทรด Forex อย่างไรก็ตาม การจะให้ชื่อที่ “บุกเบิก” แบบเฉพาะเจาะจงนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะบริษัทหลายแห่งแทบจะเริ่มการทดลองรูปแบบการลงทุนนี้พร้อม ๆ กัน เมื่อเครื่องมือในการลงทุนมีพัฒนาการเกิดขึ้น โบรกเกอร์ก็เริ่มนำเสนอโซลูชั่นที่ล้ำสมัยและปลอดภัยมากยิ่งกว่าเดิม รวมถึงอัลกอริทึมต่าง ๆ เพื่อการแจกจ่ายเงินกำไรและเงินขาดทุน ตลอดจนระบบการให้คะแนนเพื่อช่วยคัดเลือกนักเทรดผู้บริหารเงินทุนด้วย
ข้อดีของบริการนี้ค่อนข้างคล้ายกันกับข้อดีของบริการ Copy Trading ซึ่งได้แก่ การบริหารจัดการโดยนักเทรดมืออาชีพ ไม่จำเป็นต้องติดตามบัญชีอยู่ตลอดเวลา และความสามารถในการเพิ่มหรือถอนเงินทุนได้ อย่างไรก็โี นักลงทุนจะไม่สามารถมีอิทธิพลในการตัดสินใจในการเทรดของผู้จัดการ PAMM ได้ ดังนั้น เช่นเดียวกันกับในกรณี Copy Trading จึงไม่สามารถรับประกันกำไร และมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินลงทุน
วิธีเลือกผู้ให้บริการและผู้จัดการ PAMM
การเลือกนักเทรดสำหรับการคัดลอกเทรดหรือการบริหารจัดการบัญชีที่ลงทุนเป็นขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับบริการทั้งสองแบบ ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่ากิจกรรมในตลาดการเงินมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องทำการวิเคราะห์ด้วยตนเอง และเตรียมพร้อมสำหรับการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้ ความสำเร็จทางการเงินของคุณโดยส่วนใหญ่แล้วขึ้นอยู่กับความสามารถและกลยุทธ์ของนักเทรดที่เลือก โดยคุณควรพิจารณาหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ในการคัดเลือกนักเทรด
– สถิติและประวัติของนักเทรด ทำความคุ้นเคยกับกิจกรรมของนักเทรดในอดีต เช็คดูว่าพวกเขาทำงานบนแพลตฟอร์มานานแค่ไหนแล้ว ตรวจดูประวัติการเทรด สินทรัพย์การเงินที่เทรด เปอร์เซ็นต์กำไรเฉลี่ย และพิจารณาดูจำนวนผู้ติดตามหรือนักลงทุนด้วย
– สไตล์และกลยุทธ์การเทรด นักเทรดมักใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป บางคนชอบเทรดแบบมีความเสี่ยงสูง ในขณะที่บางคนอาจชอบสไตล์แบบความเสี่ยงต่ำมากกว่า ควรเลือกนักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนและระดับการยอมรับความเสี่ยงของคุณ ประเมินประวัติความเสี่ยงของนักเทรด ให้ความสนใจกับเลเวอเรจที่ใช้เป็นพิเศษ รวมถึงระดับการขาดทุนสะสมของบัญชี ว่าเกิดขึ้นบ่อยครั้งและติดลบมากแค่ไหน วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่าธุรกรรมของนักเทรดคนนี้มีความเสี่ยงมากน้อยเท่าใด และว่าคุณจะมีแนวโน้มที่จะขาดทุนมากกว่าทำกำไรหรือไม่ เป็นต้น
– การกระจายความเสี่ยง ทางที่ดีควรคัดลอกเทรดไม่ใช่แค่จากนักเทรดคนเดียว แต่ควรคัดลอกจากนักเทรดหลายคน เช่นกันนั้น คุณไม่ควรจะลงทุนด้วยเงินทั้งหมดไปกับบัญชี PAMM บัญชีเดียว ทางที่ดีกว่าคือ ควรจัดสรรเงินลงทุนให้กับผู้จัดการหลาย ๆ คนที่เทรดด้วยสินทรัพย์การเทรดและกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป วิธีนี้จะช่วยให้คุณจัดการกับความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสของการทำกำไรได้ดียิ่งขึ้น
– ค่าคอมมิชชั่นและเงื่อนไข แน่ใจว่าคุณเข้าใจค่าธรรมเนียมที่หักสำหรับการคัดลอกเทรดจากนักเทรดคนใดคนหนึ่ง หรือสำหรับบริการของผู้จัดการ PAMM ต้นทุนของบริการนั้นสามารถส่งผลกระทบต่อกำไรโดยรวมของคุณได้เป็นอย่างมาก
อย่างไหนดีกว่ากัน: บริการ Copy Trading หรือ PAMM?
มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับจำนวนของนักเทรดที่เลือกใช้บริการ Copy Trading เทียบกับ PAMM หรือไม่? บริการไหนที่ให้ศักยภาพการทำกำไรได้ดีกว่า หรืออย่างไหนที่มีโอกาสขาดทุนมากกว่า? คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่พบบ่อย การเลือกระหว่างบริการ Copy Trading และ PAMM ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ และแต่ละปัจจัยนั้นมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป การตัดสินใจของนักลงทุนนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการลงทุน ความชอบ ระดับความรู้และประสบการณ์ รวมถึงเวลาและโครงสร้างของค่าธรรมเนียม
Copy Trading ให้ความยืดหยุ่นมากกว่า เพราะนักลงทุนสามารถเลือกได้อย่างเป็นอิสระว่าจะคัดลอกเทรดคำสั่งไหนและจะเทรดในปริมาณเท่าใด นอกจากนี้ เงินทุนทั้งหมดยังคงอยู่ในบัญชีส่วนตัวของนักลงทุน ซึ่งนักเทรดสามารถเปิดคำสั่งเทรดของตนเองไปพร้อมกันได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้จะต้องอาศัยการมีส่วนร่วมและประสบการณ์การเทรดที่มากกว่า
ในบริการ PAMM เงินทุนจะโอนเข้าบัญชีของ PAMM ซึ่งจะมีแค่ผู้จัดการบัญชีเท่านั้นที่ดำเนินการเทรดได้ แนวทางการจัดการแบบมอบอำนาจเต็มแบบนี้อาจสะดวกสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ค่อนข้างน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม รูปแบบนี้อาจมีเงื่อนไขเงินลงทุนขั้นต่ำ และมีข้อจำกัดเวลาที่คุณต้องการฝากหรือถอนเงิน
ไม่พบข้อมูลที่ชัดเจนว่าบริการไหนได้รับความนิยมมากกว่ากัน และไม่มีข้อมูลเช่นกันว่าบริการไหนที่ให้ศักยภาพในการทำกำไรหรือขาดทุนมากกว่ากัน เราได้รวบรวมข้อดีและข้อเสียต่าง ๆ มาให้คุณทราบทั้งหมดแล้ว การตัดสินใจสุดท้ายล้วนขึ้นอยู่กับคุณ
กลับ กลับ