อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD มีคำกล่าวว่า “ไม้กวาดด้ามใหม่กวาดสะอาด” หากประธานาธิบดีคนก่อนหน้าของสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ในสถานการณ์ของนายโจ ไบเดน ในขณะนี้ เขาอาจเรียก นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดฯ ว่าเป็น “คนทรยศ” จากการที่ถ้อยแถลงของเขาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ ทำให้ตลาดหุ้นดิ่งลงในอเมริกา นายพาวเวลล์ยังมีท่าทีนิ่งเฉยกับผลตอบแทนที่สูงขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งปิดที่ระดับสูงสุดในรอบปี ในขณะเดียวกัน เขาให้สัญญาณว่าอาจจะเริ่มใช้นโยบายทางการเงินที่ตึงตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ
และแม้ว่าประธานธนาคารเฟดท่านนี้เน้นย้ำว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอยู่ห่างไกลจากภาวะหนักหน่วง และเขายังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ตลาดตอบรับว่านี่เป็นสัญญาณที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายทางการเงิน ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรอบ 10 ปี ปรับขึ้นมาพร้อมกับดอลลาร์ และตลาดหุ้นเข้าสู่ขาลง ดัชนี S&P500 ตกลงมา 120 จุด และดัชนี Dow Jones Industrial Average ปรับตัวลงมากว่า 300 จุด
แนวโน้มขาลงของราคาหุ้นกำลังบังคับให้นักลงทุนต้องหาที่หลบภัยในเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ ดัชนีดอลลาร์ DXY ขยับขึ้นถึงระดับสูงสุดในรอบสามเดือนที่ 91.83 เมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งแนวโน้มการเติบโตมีผลต่อในวันศุกร์ที่ 5 มีนาคม และดัชนี DXY ขยับขึ้นเกิน 92.00 ณ ขณะเวลาที่เขียนบทวิเคราะห์ฉบับนี้
สถิติจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ เพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน จำนวนตำแหน่งงานใหม่นอกภาคการเกษตร (NFP) เพิ่มขึ้นจาก 166K เป็น 379K จากที่คาดการณ์ 182K ดังนั้น คำทำนายของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (70%) ที่โหวตให้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นคำทำนายที่ถูกต้องโดยสมบูรณ์ คู่ EUR/USD ขยับไปทางทิศใต้อย่างต่อเนื่อง จนทำระดับต่ำสุดในพื้นที่ที่ 1.1895 และปิดตลาดรอบสัปดาห์สูงขึ้นเล็กนอยที่ 1.1915 - GBP/USD การวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ชี้ให้เห็นว่า ในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาเคลื่อนที่ด้านข้างในกรอบ 1.3860-1.4240 อย่างไรก็ตาม กรอบดังกล่าวปรากฏว่าต่ำลงกว่านั้น ราคาขยับอยู่ในกรอบเพียง 1.3860-1.4000 จนถึงวันพฤหัสบดี จากนั้นถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดสหรัฐฯ ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และคู่ GBP/USD ตัดผ่านกรอบด้านล่างของช่อง โดยขยับลงมาที่ระดับ 1.3775 และปิดตลาดในรอบห้าวันทำการที่ระดับ 1.3840
- USD/JPY เทรนด์ขาลงรอบหลายเดือนของคู่นี้หยุดลงเมื่อวันที่ 6 มกราคม โดยได้กลับทิศทางและขยับขึ้นทิศเหนือตลอดเกือบทั้งปี 2021 สำหรับคำทำนายในสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งในสามเห็นด้วยกับตลาดหมี หนึ่งในสามมีท่าทีเป็นกลาง และหนึ่งในสามโหวตให้เทรนด์ขาขึ้น และแม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนน้อยกว่าเพียง 25% ที่เห็นด้วยว่าเราจะได้เห็นราคาขยับถึงโซน 108.00-108.50 แต่พวกเขาทำนายได้ถูกต้อง ราคาทำระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ที่ 108.60 ตามมาด้วยการย่อตัวลงเล็กน้อย และปิดตลาดที่ 108.35
เหตุผลที่ทำให้ราคาคู่นี้ขยับขึ้นมายังคงเหมือนเดิม จากสถานการณ์ที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอเมริกาสูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อผลตอบแทนของตราสารหนี้ญี่ปุ่น นักลงทุนจึงต้องขจัดสินทรัพย์ปลอดภัยดังกล่าวที่มีอัตราดอกเบี้ยเป็นลบ เช่น เงินเยน รวมถึงทองคำและฟรังก์สวิสก็ได้รับผลกระทบเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ คำแถลงของนายพาวเวลล์ก็ยิ่งสุมไฟ ทำให้ราคา USD/JPY ขยับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบแปดเดือน - คริปโตเคอเรนซี มีข่าวดีสำหรับตลาดกระทิง: บิทคอยน์ยังไม่ขยับลงต่ำกว่า $43,000 แต่ก็มีข่าวดีสำหรับตลาดหมีด้วยเช่นกัน คือ บิทคอยน์ยังไม่สามารถยืนเหนือ $52,000 ได้ เมื่อวิเคราะห์ดูแล้วในวันศุกร์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา กราฟ BTC/USD ได้กลับสู่จุดที่เริ่มต้นเมื่อเจ็ดวันก่อนหน้า คำถามยังคงปลายเปิดว่านี่เป็นการปรับฐานหรือจุดเริ่มต้นของ “ฤดูหนาวคริปโต” กันแน่
ข่าวทั่วไปดูค่อนข้างมีความขัดแย้งเช่นกัน ระบบการชำระเงินชั้นนำ เช่น Mastercard, Visa และ PayPal กำลังเข้าข้างฝั่งตลาดกระทิง โดยพยายามที่จะดึงดูดลูกค้า “วัยเงินคริปโต” ในขณะที่ Skrill และ Neteller ก็เช่นเดียวกัน ด้านบราวเซอร์ Opera ได้พัฒนาอัลกอริทึมใหม่ที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถดำเนินธุรกรรมกับเงินคริปโตยอดนิยมได้หลายสกุล อีกฟีเจอร์หนึ่งของ Opera คือ การสร้างวอลเล็ตดิจิทัลโดยไม่ต้องผ่านเว็บไซต์ภายนอก บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google ก็หันหน้าเข้าหาคริปโตเคอเรนซีเช่นกัน แพล็ตฟอร์ม Google Finance ได้เพิ่มแถบสำหรับการกำกับติดตามราคาของสินทรัพย์ดิจิทัล
กิจกรรมของผู้ใช้งานก็เพิ่มขึ้น ปริมาณการเทรดบนตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโตในเดือนกุมภาพันธ์สูงกว่า $1 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นตัวเลขที่ทำสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ แม้แต่ช่วงที่บิทคอยน์ทะยานขึ้นรอบแรก ปริมาณการเทรดในขณะนั้นมีเพียง $650 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น นักวิเคราะห์จากแพล็ตฟอร์ม Block Research ชี้ว่า นักลงทุนรายใหญ่ชอบที่จะดำเนินธุรกรรมจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่งผ่านบริการบุคคลที่สามเพื่อรักษาความลับได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น ตัวเลขธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริงอาจสูงกว่าตัวเลขทางการได้ถึงสองเท่า
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เราเคยเขียนเล่าไว้แล้วว่า ฝ่ายรัฐบาลสามารถ (และน่าจะ) กลายเป็นปัญหาหลักของสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2021
ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ สเวน เฮ็นริช มองว่า นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศสงครามกับบิทคอยน์ การประกาศของเธอส่งผลให้มีการเก็บกำไรครั้งใหญ่จากเหล่าปลาวาฬในตลาดเมื่อช่วงวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ และราคาตกลงมา 23% และขณะนี้ สมาคม North American Association of Securities Administrators (NASAA) ได้ประกาศรายชื่อผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่อันตรายมากที่สุดประจำปี และเรียกเงินคริปโตว่าเป็นความเสี่ยงในการลงทุนสูงสุดแห่งปี
ในส่วนการต่อสู้ของประเทศต่าง ๆ เพื่อการควบคุมการไหลเวียนทางการเงิน เราต้องไม่ลืมการปรากฏตัวของเงินหยวนดิจิทัล ซึ่งอาจส่งผลอย่างรุนแรงต่อบิทคอยน์ สหรัฐฯ และประเทศอีกหลายประเทศยังไม่ตัดโอกาสในการสร้างเงินดิจิทัล (CBDC) เป็นของตนเองเช่นกัน
ในระหว่างนี้ อย่างที่เราเขียนไว้ข้างต้น ตลาดยังคงอยู่ในทางแยก มูลค่ารวมในตลาดประจำสัปดาห์ขยับขึ้นมาเล็กน้อย จาก $1,410 พันล้าน เป็น $1,444 พันล้านเหรียญ และดัชนี Crypto Fear & Greed Index ออกจากโซนตรงกลาง (55) อีกครั้ง และกำลังเข้าสู่โซน overbought และขยับถึง 77 คะแนน จาก 100
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD เมื่อพิจารณาจากดัชนีต่าง ๆ ล่าสุด เศรษฐกิจสหรัฐฯ ดูสดใสกว่ามาก มีการฉีดวัคซีนอย่างเต็มที่ ตลาดแรงงานฟื้นตัว และ GDP ในไตรมาสแรกเติบโตแล้วเกือบ 10% ตามความเห็นของนายเจอโรม พาวเวลล์ ดัชนีราคาผู้บริโภคอาจสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ได้ตั้งแต่ฤดูร้อนปีนี้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังอยู่ห่างไกลจากการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ 6-7 มีนาคม วุฒิสภาสหรัฐฯ จะเริ่มลงคะแนนเสียงในการแก้ไขร่างงบประมาณ หากสมาชิกวุฒิสภาอนุมัติงบประมาณ ประชาชนชาวอเมริกาจะได้รับเงินเยียวยาช่วยเหลือรอบใหม่ $1,400 ต่อคน และมาตรการกระตุ้น (QE) โดยรวมจะคิดเป็นเงิน $1.9 ล้านล้านดอลลาร์
การอัดฉีดเงินดอลลาร์รอบใหม่เกือบ 2 ล้านล้านเหรียญเข้าสู่ตลาดนี้อาจส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างรุนแรง และนักลงทุนเริ่มกลับมาต้องการความเสี่ยงอีกครั้ง ในกรณีนี้ การเทขายหุ้นจะหยุดลงและดัชนีหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาอีกครั้ง
สำหรับการทำนายในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (60%) ไม่ตัดโอกาสที่เทรนด์ขาลงจะมีผลต่อไป และคู่ EUR/USD จะขยับลงไปยังโซน 1.1800 อินดิเคเตอร์เทรนด์ 100% และออสซิลเลเตอร์ 75% บนกรอบ H4 และ D1 ชี้ภาพไปทางทิศใต้ แต่ส่วน 25% ที่เหลือให้สัญญาณแล้วว่าราคาอยู่ในช่วง oversold
ภาพรวมกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อปรับจากการวิเคราะห์รายเดือนเป็นรายไตรมาส ในรายไตรมาส นักวิเคราะห์ 70% คาดว่าเงินยูโรจะกลับมาได้เปรียบหลังจากมาตรการเยียวยา $1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ปรากฏขึ้นในตลาดสหรัฐฯ และราคาจะขยับขึ้น แนวต้านในที่นี้ ได้แก่ 1.2025, 1.2060, 1.2170, 1.2200 และ 1.2270
สำหรับเหตุการณ์ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประกาศดัชนี GDP ในยูโรโซนในวันอังคารที่ 9 มีนาคม สถิติตลาดผู้บริโภคสหรัฐฯ ในวันพุธที่ 10 มีนาคม และเยอรมนีในวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม รวมถึงการตัดสินใจในอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม เช่นกัน ตามการวิเคราะห์ชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยน่าจะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับศูนย์ ดังนั้น การแถลงข่าวของธนาคารกลางยุโรปซึ่งจะจัดขึ้นในวันเดียวกันจะเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก - GBP/USD นายแอนดริว ไบเลย์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติอังกฤษมีกำหนดจะกล่าวถ้อยแถลงในวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม ซึ่งเขาจะให้ภาพรวมเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินของประเทศในด้านต่าง ๆ ซึ่งพยายามจะรับมือกับความเสียหายทางการเงินจากภาวะแพร่ระบาดของโควิด-19 นักวิเคราะห์ของ ING มองว่า “โดยรวมแล้ว การสนับสนุนทางการคลังน่าจะเน้นที่แนวโน้มการกระตุ้นเงินปอนด์ในไตรมาสที่สองของปี 2021 ความช่วยเหลือด้านการคลังต่อไปจะกระตุ้นการฟื้นฟูของเศรษฐกิจ และช่วยให้เงินปอนด์เป็นผู้นำในตลาดค่าเงินในกลุ่มประเทศ G10”
แต่กว่าจะถึงตอนนั้น นักวิเคราะห์ 50% คาดการณ์ว่าคู่ GBP/USD จะตัดผ่านแนวรับที่บริเวณ 1.3775-1.3800 และรีบไปที่โซน 1.3600-1.3760 คำทำนายนี้ได้รับการสนับสนุนโดยอินดิเคเตอร์เทรนด์ 85% และออสซิลเลเตอร์ 100% ในกรอบ H4 แต่มีเพียง 60% บน D1 เท่านั้น ส่วนผู้เชี่ยวชาญ 25% สนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟบนทั้งสองกรอบเวลาคาดว่า ราคาคู่นี้จะขยับขึ้นต่อไปและอีก 25% มีท่าทีเป็นกลาง ในขณะเดียวกัน เช่นเดียวกับในกรณีของ EUR/USD และด้วยเหตุผลบางประการ จำนวนผู้สนับสนุนฝั่งตลาดกระทิงเพิ่มขึ้นเป็น 60% เมื่อปรับมาที่การวิเคราะห์รายเดือน โดยแนวรับ ได้แก่ 1.3900, 1.3950, 1.4000, 1.4085 และ 1.4185 และเป้าหมายคือระดับสูงสุดของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ 1.4240
- USD/JPY หลังจากราคาทะยานขึ้นมา 215 จุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และขึ้นมาทำระดับสูงสุดในรอบแปดเดือน เห็นได้ชัดเจนว่าอินดิเคเตอร์เทรนด์ 100% ให้สัญญาณสีเขียว แต่ในส่วนออสซิลเลเตอร์มี 35% ที่ให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในโซน overbought การวิเคราะห์กราฟก็ชี้ไปทางทิศใต้เช่นกัน นักเทรดส่วนใหญ่กลัวที่จะเปิดทั้งคำสั่งซื้อและขายในสถานการณ์เช่นนี้
ด้านผู้เชี่ยวชาญเริ่มหันเหไปทางการปรับฐานลงมา จึงมีผู้สนับสนุนตลาดหมี 50% ในขณะนี้ อีก 25% คาดว่าคู่ USD/JPY จะขยับขึ้นต่อไป และอีก 25% มีท่าทีเป็นกลาง เมื่อปรับจากการวิเคราะห์รายสัปดาห์เป็นรายเดือน นักวิเคราะห์ 80% คาดการณ์แล้วว่า ราคาจะขยับลงมาและกลับมาสู่โซน 105.00 โดยมีแนวรับที่ 108.00, 106.70, 106.10 และ 105.70 และแนวต้านที่ 109.80 - คริปโตเคอเรนซี งานวิจัยจาก Glassnode พบว่ามีบิทคอยน์เพียง 4 ล้านเหรียญเท่านั้นที่ลอยตัวอย่างอิสระในตลาด การฮาล์ฟเหรียญครั้งที่สามเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2020 ส่งผลให้ผลตอบแทนของนักขุดเหรียญลดลงจาก 12.5 BTC เป็น 6.25 BTC และยังเพิ่มความขาดแคลนเหรียญในตลาด อย่างที่คุณทราบดี ข้อจำกัดในจำนวนเหรียญของบิทคอยน์นี้คือข้อได้เปรียบสำคัญเมื่อเทียบกับทองคำและสกุลเงินทั่วไป
“อยู่ ๆ การซื้อบิทคอยน์ก็ไม่ใช่เรื่องไม่สำคัญหรือเสี่ยงอีกต่อไป” เขียนโดยนายไมค์ โนโวกราตซ์ ประธานธนาคารเงินคริปโต Galaxy Digital ในทางกลับกัน การไม่มี BTC ในพอร์ตนั้นกลายเป็นความเสี่ยงเมื่อธนาคารกลางต่างพากันพิมพ์ธนบัตรอย่างต่อเนื่อง เราไม่มีเวลาที่จะว่าจ้างผู้จัดการด้านการขายให้เข้าถึงลูกค้ารายสถาบันได้ทุกรายที่ต้องการจะทำความเข้าใจและเข้าร่วมในตลาดนี้”
แม้แต่ผู้สนับสนุนทองคำอย่าง นายปีเตอร์ ชิฟฟ์ ประธาน Euro Pacific Capital ก็เห็นด้วยกับนายโนโวกราตซ์ ก่อนหน้านี้ ผู้ที่กังขาในบิทคอยน์คนนี้เคยเรียกมันว่าเป็นฟองสบู่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และกล่าวล้อเลียนนักลงทุนเงินคริปโตในเรื่องสติสัมปชัญญะ “ตอนที่ผมได้ยินเกี่ยวกับบิทคอยน์ครั้งแรก ผมไม่คิดว่านักลงทุนที่ฉลาดจะโง่พอที่จะซื้อบิทคอยน์ ผมผิดเอง” กล่าวโดยนายชิฟฟ์
เมื่อกลับไปที่ นายไมค์ โนโวกราตซ์ ประธาน Galaxy Digital เราควรเน้นว่า เขาได้เปลี่ยนคำทำนายในอัตราแลกเปลี่ยนของ BTC ในช่วงท้ายปี 2021 เป็นขาขึ้น “ผมรู้สึกเหมือนว่า เราน่าจะอยู่ในช่วง $42,000 และ $60,000 และจากนั้น เราจะได้เห็นราคากระโดดครั้งใหญ่ไปที่ $100,000 ผมจะไม่ประหลาดใจเลยหากเราไปถึงระดับนี้ภายในสิ้นปีนี้”
บทวิเคราะห์แบบสมคบคิดเป็นของผู้เชี่ยวชาญด้านความรอบรู้ในเชิงการแข่งขัน เขาเชื่อว่าการสร้างและสนับสนุนบิทคอยน์เป็นเวลาหลายปีนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ในกรณีที่ผู้นำทางการเงินชาวอเมริกันสามารถโน้มน้าวผู้ออกเงินกู้ได้ว่า การมีบิทคอยน์นั้นดีกว่าดอลลาร์ เพราะจะสามารถโอนหนี้ภายนอกทั้งหมดของสหรัฐฯ ไปยังคริปโตสกุลนี้ในอนาคต” ทันทีที่สถานการณ์นี้เกิดขึ้น เพียงแค่บิทคอยน์ทรุดตัวลง หนี้มหาศาลของสหรัฐฯ ก็จะกลายเป็นศูนย์ในที่สุด”
เวลาจะช่วยบอกเราว่าทฤษฎีนี้เป็นจริงหรือไม่ ในระหว่างนี้ สถานการณ์ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการส่งผลต่อบิทคอยน์ ก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งปี แนวโน้มขาลงของตลาดหุ้นอันเนื่องมาจากภาวะวิตกจาก COVID-19 ส่งผลให้ตลาดคริปโตทรุดตัวลง
มาถึงบทสรุปเป็นอีกหนึ่งเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยตลก ๆ เกี่ยวกับเงินคริปโต เราเคยพูดถึงหมอดูชาวอเมริกันที่ทำนายราคาบิทคอยน์โดยการสังเกตการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ไปแล้ว และยังมีเรื่องราวกับชาวอเมริกันคนหนึ่งที่ขุดเหรียญในท้ายรถ BMW ของเขา ซึ่งฟาร์มขุดเหรียญนั้นได้รับพลังงานจากแบตเตอรีรถยนต์ที่เชื่อมต่อโดยใช้อินเวิร์ตเตอร์ DC ช่วยให้เจ้าของรถสามารถขุดเหรียญได้ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่
และตอนนี้มาถึงเกมเมอร์และแฟนคลับเงินคริปโตจากประเทศจีนชื่อว่า หยีฟาน กู เขาได้เอาชนะข้อจำกัดทางเทคนิคในการขุดเหรียญเงินคริปโต และใช้เครื่อง Sony PlayStation 5 โดยปรับคอนโซลเกมในการขุดเหรียญ Ethereum เขาทำกำไรได้ประมาณ $50 ต่อสัปดาห์ ก่อนหน้านี้ นายหยีฟาน กู เคยใช้ MacBook Air กับชิปของ Apple M1 ในการขุดเหรียญอัลท์คอยน์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับอัตราแลกเปลี่ยน ETH ในขณะนี้ คุณสามารถทำเงินได้เพียง $0.14 เหรียญต่อวันเท่านั้นเมื่อขุดด้วย MacBook Air
กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ